อาการเหนื่อยง่ายอ่อนเพลียกับอาหารเสริม GH3
ดูรายละเอียดวิธีรักษาอาการเหนื่อยง่ายอ่อนเพลียไม่มีแรงด้วยอาหารเสริมGH3
สอบถามสั่งซื้อ โทร 0815659174 ไลน์ไอดี gh3family
มารู้จักอาการเหนื่อยง่ายอ่อนเพลียกัน
อาการเหนื่อยง่ายอ่อนเพลียคืออะไร
อาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง เป็นอาการที่ยังไม่จัดว่าเป็นโรค แต่เป็นสัญญาณถึงความผิดปกติของร่างกายที่เราไม่ควรละเลย เพราะอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงต่างๆในอนาคตได้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องหาสาเหตุที่แท้จริงที่เป็นต้นเหตุให้เกิดอาการอ่อนเพลียนี้ จึงจะสามารถป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆที่อาจแฝงอยู่ได้
ทุกคนตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่สามารถมีอาการอ่อนเพลียได้ทั้งนั้น แต่จะพบได้มากที่สุดในกลุ่มผู้สูงวัย และพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยพบมากกว่าในผู้หญิง และพบมากในช่วงอายุ 25-45 ปี ในวัยเด็กหรือวัยรุ่นมักจะมีอาการเหนื่อยง่ายเรื้อรังหลังจากเจ็บไข้ได้ป่วย
อาการเหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย (Fatigue) ในทางการแพทย์ถูกจัดออกเป็น 3 ประเภทคือ
1.อาการเหนื่อยล้าทางกายภาพ (Physiologic Fatigue) ในชนิดนี้จะเป็นชนิดที่เป็นเพียงชั่วคราวหรือระยะเวลาไม่นาน จะเกิดขึ้นจากสภาพร่างกาย สภาพจิตใจหรือสิ่งแวดล้อมช่วงขณะนั้น เช่นช่วงที่มีความเครียดสูง ขาดการพักผ่อน นอนหลับไม่เพียงพอ เป็นต้น เมื่อร่างกายได้พักและผ่อนคลายความเหนื่อยล้าก็จะหายไปได้เอง
2.อาการเหนื่อยล้าทุติยภูมิ (Secondary Fatigue) สำหรับชนิดที่สองนี้จะเป็นภาวะที่เกิดจากโรคต่างๆในร่างกาย หรือผลข้างเคียงจากการรักษาบำบัดด้วยยาหรือสารเคมีต่างๆ อาการนี้มักจะเกิดขึ้นพร้อมๆหรือก่อนที่จะพบโรคเรื้อรังต่างๆ
2.1โรคที่สำคัญที่ทำให้เกิดความเหนื่อยล้าเช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคไทรอยด์ โรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคหัวใจ โรคไต โรคตับแข็ง โรคโลหิตจาง โรคนอนไม่หลับ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรคเรื้อรังที่เป็นต่อเนื่องในระยะยาว
2.2ยาและสารเคมีที่มีผลทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่ายอ่อนเพลียเช่น ยารักษาโรคมะเร็ง ยาลดน้ำตาลสำหรับโรคเบาหวาน เป็นต้น
สำหรับอาการอ่อนเพลียชนิดนี้สามารถแบ่งความรุนแรงออกเป็น 3 แบบ ได้แก่
- ความรุนแรงน้อย รูปแบบนี้มีสาเหตุเกิดจากโรคที่ไม่รุนแรงเช่น โรคโลหิตจาง หรือภาวะซีดที่มีสาเหตุมาจากการได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ
- ความรุนแรงปานกลาง มักเกิดขึ้นจากโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน เป็นต้น
- ความรุนแรงสูง มักจะเกิดจากโรคที่มีอันตรายร้ายแรงเช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น
อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ที่เรียกว่า โครนิกฟาทีคซินโดรม (Chronic Fatigue Syndrome/CFS) เป็นอาการอ่อนเพลียค่อนข้างรุนแรงและต่อเนื่องจนผู้ป่วยยากที่จะทำงานหรือกิจวัตรประจำวันได้อย่างปกติ ส่วนใหญ่จะเป็นต่อเนื่องมากกว่าครึ่งปี สาเหตุของโรคยังไม่เป็นที่แน่ชัดแต่สันนิษฐานว่ามาจากหลายสาเหตุร่วมกัน เช่นภาวะขาดสารอาหาร การติดเชื้อ ความเครียด หรือฮอร์โมนในร่างกายเสียสมดุล ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียชนิดเรื้อรังนี้มักจะมีอาการเจ็บป่วยอื่นๆร่วมด้วย เช่น เจ็บไข้ตัวร้อน ปวดหัว เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว นอนไม่หลับ อาการซึมเศร้า สมาธิสั้น ความจำแย่ลง เป็นต้น
อย่างไรก็ตามมีโรคอ่อนเพลียเรื้อรังชนิดหนึ่งที่เราทราบสาเหตุแน่ชัด คือภาวะไฮโปไกลซีเมีย (Hypoglycemia) ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากน้ำตาลในเลือดต่ำ
ภาวะนี้เกิดขึ้นจากการที่เรารับประทานอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน น้ำอัดลม น้ำหวาน แป้ง อาหารที่ใส่น้ำตาลในปริมาณมาก ซึ่งเมื่อร่างกายมีน้ำตาลในเลือดมาก ตับอ่อนก็จะผลิตอินซูลินออกมาเพื่อพยายามลดระดับน้ำตาล แต่เมื่อเรารับประทานน้ำตาลเพิ่มไปอีกระดับน้ำตาลในเลือดก็สูงขึ้นมาอีก ตับอ่อนก็เข้าสู่วงจรที่ต้องผลิตอินซูลินมาอีก ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเราเหวี่ยงขึ้นลงบ่อยๆ และตับทำงานหนัก ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายและทำให้เกิดภาวะล้าได้
อาการข้างเคียงที่มักเกิดร่วมกับอาการอ่อนเพลีย
- นอนหลับไม่สนิท ตื่นมาไม่สดชื่น รู้สึกเพลียแม้พึ่งตื่น
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไม่สบายเนื้อสบายตัว
- เจ็บคอ
- ปวดตามข้อ อาจมีอาการข้ออักเสบหรือบวมแดงร่วมด้วย
- ปวดหัว มึนหัว สมองไม่โปร่ง
- ขาดสมาธิ จดจ่อได้ยาก
สาเหตุของอาการเหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย
ร่างกายอ่อนเพลียเกิดได้จากความเจ็บไข้ได้ป่วย สภาพร่างกาย สภาพจิตใจ พฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม ในการวินิจฉัยแพทย์จึงจำเป็นต้องสอบถามผู้ป่วยอย่างละเอียดเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง โรคนี้มักมีอาการข้างเคียงร่วมด้วยคืออาการปวดหัว ซึมเซา นอนไม่หลับ มีอาการซึมเศร้า ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อ กล้ามเนื้อไม่มีแรง เป็นต้น
การวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุ
เนื่องจากอาการเหนื่อยล้ามีได้จากหลายสาเหตุ แพทย์จึงต้องสอบถามประวัติผู้ป่วยตั้งแต่ประวัติครอบครัว ประวัติการใช้ยารักษาโรค ตรวจดูค่าตับ ไต หัวใจ ตรวจดูค่าเลือดว่าอยู่ในภาวะโลหิตจางหรือไม่ น้ำตาลในเลือดสูงหรือเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ ตรวจสอบว่ามีเซลล์มะเร็งหรือไม่ เป็นต้น
ภาวะขาดน้ำ
การที่เราดื่มน้ำน้อยจะทำให้ร่างกายรับภาระหนัก เนื่องจากระบบหมุนเวียนเลือดในร่างกายเราจำเป็นต้องมีของเหลวในปริมาณที่เพียงพอ มิฉะนั้นเลือดของเราก็จะข้นและเหนียวหนืด ระบบหมุนเวียนเลือดจะแย่ลง ทำให้เซลล์ต่างๆได้รับออกซิเจนและสารอาหารน้อยลง และหัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงเซลล์และอวัยวะต่างๆ เราจึงจำเป็นต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดีและร่างกายไม่ขาดน้ำ
การขาดธาตุเหล็ก
การที่ร่างกายได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ขาดสมาธิ และอารมณ์แปรปรวน เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือด การขาดธาตุเหล็กอาจทำให้เราอยู่ในภาวะซีด หรือเป็นโรคโลหิตจางได้
โรคโลหิตจาง ภาวะซีด
ในผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย เป็นลมได้ง่าย ตัวซีดเหลือง ซึ่งมีสาเหตุได้ทั้งจากการขาดธาตุเหล็ก ขาดกรดโฟลิกและวิตามินบี6 การเสียเลือดมากจากอุบัติเหตุ จากประจำเดือน หรือจากการบริจาคเลือด หรืออาจเกิดจากโรคเช่น โรคธาลัสสีเมีย โรคไต โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง SLE เป็นต้น
ร่างกายได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ขาดสารอาหาร
เราจะรู้สึกร่างกายอ่อนเพลียได้เมื่อร่างกายขาดสารอาหารที่จะนำไปใช้สร้างพลังงานในการขับเคลื่อนร่างกาย สารอาหารสำคัญที่ให้พลังงานได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรท(แป้งและน้ำตาล) และไขมัน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้า จะทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าได้ง่าย และผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก ไดเอท โดยวิธีการอดอาหารหรือจำกัดอาหาร
นอนหลับไม่เพียงพอ ขาดการพักผ่อน
ในผู้ที่นอนหลับน้อยเกินไป หรือนอนหลับอย่างไม่มีคุณภาพ เช่นหลับไม่สนิท หลับๆตื่นๆ นอนหลับยาก หรือเป็นโรคนอนไม่หลับ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ร่างกายอ่อนล้า อ่อนเพลีย เนื่องจากช่วงเวลานอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้พักผ่อน เป็นช่วงสำคัญที่ร่างกายใช้ในการซ่อมแซมตัวเองและในการสร้างเลือด ยิ่งเราขาดการนอนหลับสะสมเท่าไร ร่างกายก็จะยิ่งเสื่อมสภาพเร็ว และสะสมความเหนื่อยล้ามากเท่านั้น
การใช้คอม มือถือ หรือดูทีวีก่อนนอน
การได้รับแสงจ้าในช่วงเวลากลางคืนผ่านหน้าจอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่างๆ จะทำให้คุณภาพในการนอนหลับแย่ลง เนื่องจากแสงจ้าเหล่านั้นจะทำให้นาฬิกาชีวภาพของร่างกายแปรปรวนได้ และส่งผลให้การหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับเช่นฮอร์โมนเมลาโทนิน ไม่เป็นตามปกติที่ควร
ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงการได้รับแสงผ่านอุปกรณ์มือถือ คอม และทีวีก่อนนอนอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง หรือถ้าจำเป็นควรใช้ในที่มีแสงสว่างไม่มืดทึบเพื่อไม่ให้ได้รับแสงตรงจากอุปกรณ์เหล่านั้นอย่างรุนแรงเกินไปและยังทำร้ายสายตาอีกด้วย และมองให้ห่างจากตัวอย่างน้อยหนึ่งฟุต
การพูดคุยโทรศัพท์เยอะเกิน
ในกลุ่มคอลเซ็นเตอร์หรือศูนย์บริการให้ข้อมูลทางโทรศัพท์จะพบปัญหานี้ได้บ่อย เนื่องจากเมื่อเราพูดโทรศัพท์ ร่างกายจะสูญเสียน้ำไป และหากดื่มน้ำไม่เพียงพอจะส่งผลให้เซลล์ในร่างกายขาดน้ำได้ง่าย และเลือดข้นหนืด ทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดมีปัญหา และเลือดนำพาออกซิเจนไปสู่เซลล์ได้น้อยลง จึงส่งผลให้ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้าได้
การขาดการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายจะช่วยให้เลือดได้สูบฉีดและนำพาออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกาย และทำให้ร่างกายตื่นตัว อีกทั้งยังช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ในผู้ที่นั่งนานๆ ไม่ค่อยขยับเขยื้อนร่างกาย จึงทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียนั่นเอง
ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ ในช่วงเวลากลางคืน จะส่งผลเสียต่อคุณภาพการนอนหลับในช่วงของการนอนหลับลึก และทำให้ตื่นมารู้สึกอ่อนเพลียอีกด้วย
โรคซึมเศร้า
ในผู้ที่มีอาการซึมเศร้าหรือโรคซึมเศร้าจะมีแนวโน้มที่จะไม่มีกำลังจิตกำลังใจจะทำอะไร ชอบนอน ไม่อยากขยับตัว จึงทำให้รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง ทำอะไรก็เหนื่อยง่าย ไม่มีกำลังใจจะทำ สาเหตุนี้เป็นสาเหตุจากสภาพจิตใจมากกว่าสาเหตุทางโรคอาการทางร่างกายและปัจจัยสิ่งแวดล้อม จึงควรกระตุ้นตัวเองให้ออกไปทำกิจกรรมต่างๆเพื่อออกจากการเก็บตัวและภาวะซึมเศร้า ก็จะช่วยให้หายจากอาการอ่อนเพลียได้
ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียควรปรึกษาแพทย์หรือไม่
เรามักจะคิดกันว่าอาการอ่อนเพลีย อ่อนล้า ไม่ค่อยมีแรง เป็นอาการพื้นฐานที่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ไม่ได้ทำอันตรายให้กับเรา ซึ่งเปฺ็นทั้งความเชื่อที่ถูกและผิด ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการอ่อนเพลียว่าเกิดจากสภาพร่างกายและสิ่งแวดล้อมในช่วงขณะนั้นเท่านั้นแบบชั่วคราว หรือเกิดขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่บอกเราถึงความผิดปกติในร่างกายหรือโรคภายในร่างกายต่างๆ ดังนั้นเพื่อให้เราแน่ใจและสามารถทำการรักษาได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เราควรตัดสินใจเข้าไปพบและปรึกษาแพทย์เมื่อเกิดกรณีดังนี้
- อาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้า เหนื่อยง่าย ไม่มีเรี่ยวแรง เป็นต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาเกิน 6 เดือน โดยไม่มีวี่แววจะดีขึ้นแม้ว่าเราจะเปลี่ยนพฤติกรรม ดูแลตัวเอง พักผ่อนมากขึ้นแล้วก็ตาม
- อาการอ่อนเพลียนี้นอกจากเป็นเรื้อรังแล้วยังส่งผลกระทบขัดขวางทำให้ไม่สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้
- เกิดความเจ็บป่วยร่วมด้วย เช่นไข้ขึ้น ปวดหัว ปวดข้อ ปวดตัว หรือพบอาการผิดปกติของร่างกายเช่น คลำเจอก้อนเนื้อผิดปกติ พบเลือดในปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เสมหะ เลือดออกทางเหงือก เป็นต้น
- มีภาวะซีดจาง ผิวเหลือง ไม่มีสีเลือด มีอาการเป็นลมง่าย ออกกำลังกายหนักไม่ได้
- น้ำหนักลดลงมากอย่างไม่ทราบสาเหตุ
- รู้สึกเครียดและกังวลกับอาการอ่อนเพลียอย่างมาก
การรักษาอาการเหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย
แบ่งวิธีการรักษาออกเป็น 3 หมวดตามชนิดของอาการอ่อนเพลียดังนี้
1.อาการเหนื่อยล้าทางกายภาพ (Physiologic Fatigue) – รักษาโดยการปรับชีวิตประจำวัน พฤติกรรมการใช้ชีวิต การนอนหลับ การรับประทานอาหาร การออกกำลัง พักผ่อนให้มากขึ้ยและปรับสภาพจิตใจให้เครียดน้อยลง ผ่อนคลายมากขึ้น จะช่วยให้อาการอ่อนเพลียดีขึ้นได้
2.อาการเหนื่อยล้าทุติยภูมิ (Secondary Fatigue) ในการรักษาอาการอ่อนเพลียชนิดนี้ จะต้องรักษาจากต้นเหตุของโรคที่ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ตามสาเหตุโรคที่แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ โรคโลหิตจาง ก็จะต้องดูแลรักษาในวิธีที่เหมาะกับแต่ละโรค หรือหากมีสาเหตุมาจากยารักษาโรคที่รับประทานอยู่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยาให้มีอาการข้างเคียงน้อยลง
3.อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome/CFS) เนื่องจากอาการชนิดนี้เกิดขึ้นมาจากหลายๆสาเหตุที่ยังไม่สามารถทราบแน่ชัด การรักษาอาการอ่อนเพลียรูปแบบนี้จึงต้องค่อยๆปรับไปตามข้อสันนิษฐานต่างๆและค่อยวินิจฉัยจากผลตอบรับ เช่น การรักษาตามภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล การรักษาโรคซึมเศร้า การลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ การลดบุหรี่ ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เป็นต้น
อาหาร อาหารเสริมและสมุนไพรแก้อาการอ่อนเพลีย
มะตูม – ในส่วนของผลที่แก่จัดแต่ยังไม่สุก มีคุณสมบัติช่วยบำรุงกำลัง แก้อาการล้าได้
บัวหลวง – เป็นส่วนประกอบสำคัญในยาหอม ที่มีคุณสมบัติบำรุงกำลังได้
จันทร์เทศ – ในส่วนของลูกจันทร์ใช้ในการขับรมและเป็นยาบำรุงกำลังแก้อ่อนเพลีย
กฤษณา – ในส่วนของแก่นสามารถนำมาใช้ทำยาแก้อาการเหนื่อยล้าได้
วิตามินซี – ช่วยทำให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้น และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสื่อมของร่างกาย ช่วยให้ระบบร่างกายและกล้ามเนื้อทำงานได้ดีขึ้น
วิตามินบี – การขาดวิตามินบีจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้
ธาตุเหล็ก – เป็นแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในเม็ดเลือด การขาดธาตุเหล็กจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นภาวะซีดเหลือง และโรคโลหิตจาง ที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เป็นลมง่าย และเรี่ยวแรงน้อย
สังกะสี – เป็นแร่ธาตุพื้นฐานหลักที่สำคัญที่ช่วยบำรุงกำลัง มีความสำคัญมากในเพศชาย
แมกนีเซียม – เป็นแร่ธาตุที่ทำหน้าที่ช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นพลังงาน
โรคและสภาวะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลียเรื้อรัง
โรคโลหิตจาง (Anemia) และสภาวะขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency)
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Sclerosis/MS)
โรคต่อมไทรอยด์อักเสบ (Hashimoto’s Thyroiditis) และภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism)
โรคติดเชื้อ (Infectious Mononucleosis) โรคติดเชื้อเอชไพโลไร (Helicobacter Pylori) และหลอดอาหารอักเสบ (Esophagitis)
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis/RA)
โรคไต (Liver Disease)
โรคลูปัส (Lupus)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted diseases/STDs)
โรคปอดบวม (Pneumonia)
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 (Diebetes)
โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
โรคมะเร็งโดยเฉพาะโรคมะเร็งปอด (Lung Cancer) และโรคมะเร็งตับอ่อน (Pancreatic Cancer)
โรคหัวใจวาย หรือ ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure/CHF)
อาการกดทับของหลอดเลือดหรือเส้นประสาท (Thoracic Outlet Syndrome/TOS)
ภาวะการติดเหล้า แอลกอฮอล์ (Alcoholism)
ภาวะความกังวล (Anxiety) และภาวะเครียด (Tension) อาการปวดหัว (Headache)
สภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy)
เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย โกรทฮอร์โมนช่วยคุณได้
อาหารเสริมโกรทฮอร์โมนกับอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
อาหารเสริมโกรทฮอร์โมน GH3 ช่วยผู้ที่มีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียได้อย่างไร
อาหารเสริม GH3 จะเข้าไปบำรุงต่อมใต้สมองให้สามารถหลั่งโกรทฮอร์โมนได้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อระดับโกรทฮอร์โมนในร่างกายสูงขึ้นแล้ว ก็จะส่งผลให้ร่างกายมีกระบวนการทำงานที่สมดุลขึ้น โดยเฉพาะคุณสมบัติสำคัญที่สุดที่ขึ้นชื่อสำหรับโกรทฮอร์โมนคือคุณสมบัติในการย้อนวัยกลับเป็นหนุ่มสาว ชะลอความชรา และฟื้นฟูเซลล์ร่างกายที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรงขึ้นเหมือนวัยหนุ่มสาว
ดังนั้นเมื่อเซลล์ในร่างกายและระบบของร่างกายทำงานได้ดีขึ้นและมีสมดุลขึ้น ซึ่งรวมทั้งกระบวนการการสร้างและเผาผลาญพลังงาน เพื่อให้กล้ามเนื้อและเซลล์ในร่างกายนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ก็จะส่งผลให้เรารู้สึกมีเรี่ยวมีแรงเพิ่มมากขึ้น สร้างมวลกล้ามเนื้อให้กระชับและแข็งแรงมากขึ้น จึงทำให้อาการอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายที่เป็นอยู่ดีขึ้นนั่นเอง
ระยะเวลาการเห็นผลสำหรับคุณสมบัติในการฟื้นฟูอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย :
โดยส่วนใหญ่อาการนี้จะเห็นผลได้อย่างรวดเร็วหลังจากรับประทานอาหารเสริมบำรุงการหลั่งโกรทฮอร์โมน GH3 ไปเพียง 1-2 สัปดาห์ ผู้ทานก็มักจะเห็นผลดีขึ้นอย่างชัดเจน
โดยในช่วง 4-7 วันแรกของการรับประทาน ร่างกายจะเริ่มกระบวนการการปรับสมดุลร่างกาย ผู้ทานมักจะรู้สึกว่านอนหลับสนิทขึ้น และเมื่อตื่นขึ้นมาจะกระปรี้กระเปร่าสดใส มีแรงมากขึ้นกว่าปกติ ความอ่อนเพลียจะลดน้อยลง
สูตรการทานที่แนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย :
สำหรับผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย แนะนำรับประทานในสูตรพื้นฐาน คือ ในช่วงเดือนแรก แบ่งทานตอนท้องว่างช่วงตื่นนอน 2 เม็ด และก่อนเข้านอน 2 เม็ด และในช่วงเดือนที่สอง แบ่งทานตอนท้องว่างช่วงตื่นนอน 1 เม็ด และก่อนเข้านอน 1 เม็ด และเดือนที่สามเป็นต้นไปสามารถลดปริมาณลงทานเฉพาะในช่วงก่อนนอน 1 เม็ด หรือในผู้ที่ต้องการทานในสูตรที่เข้มข้นตลอดสามารถทานในปริมาณ 2-4 เม็ดต่อเนื่องกันได้ในทุกเดือน อาหารเสริม GH3 นี้เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ100% จึงไม่มีผลข้างเคียงในระยะสั้นและระยะยาวต่อตับไต และสามารถทานต่อเนื่องหรือหยุดทานได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆทีเป็นอันตรายต่อร่างกาย
อาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียโกรทฮอร์โมนช่วยคุณได้
สามารถฟังเสียงและอ่านบทสัมภาษณ์ของตัวอย่างลูกค้าที่มีอากาเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย และได้รับประทานอาหารเสริมโกรทฮอร์โมนจีเอชทรีได้ผลลัพธ์ดีขึ้นเป็นที่น่าพอใจ อาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียดีขึ้นได้ คลิ๊กได้ที่บทความตามด้านล่างนี้เลยค่ะ
รีวิวจากผู้ทานอาหารเสริมGH3ก่อนทานมีอาการ ปวดขา เสียวหลัง ความดัน เบาหวาน
รีวิวอาหารเสริมGH3จากหมอเกาะก่อนทานมีอาการ ปวดขา เสียวหลัง ความดัน เบาหวาน ผลลัพธ์จากหมอเกาะผู้ทานอาหารเสริมGH3ก่อนทานมีอาการ ปวดขา เสียวหลัง ความดัน เบาหวาน หลังจากการทานไป3วันผลลัพธ์คือ ตัวเบา เวียนหัวก้อหาย เสียวหลัง...
รีวิวจากผู้ทานอาหารเสริมGH3 ก่อนทานมีอาการมึนหัว ไขมันในเส้นเลือด ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย
รีวิวอาหารเสริมGH3จากป้าแกละ ก่อนทานมีอาการมึนหัว ไขมันในเส้นเลือด ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย ผลลัพธ์อาหารเสริมGH3จากป้าแกละ ก่อนทานมีอาการมึนหัว ไขมันในเส้นเลือด ปัสสาวะบ่อย...
รีวิวจากคุณวันนา อายุ67ปี โรคเบาหวาน ปวดหัวไมเกรน เจ็บหัวใจ อ่อนเพลีย ทานอาหารไม่ค่อยได้
รีวิวผู้ทานอาหารเสริมGH3จากคุณวันนา อายุ67ปี ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ปวดหัวไมเกรน เจ็บหัวใจ อ่อนเพลีย ทานอาหารไม่ค่อยได้ ผลลัพธ์ผู้ทานอาหารเสริมGH3จากคุณวันนา อายุ67ปี ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ปวดหัวไมเกรน เจ็บหัวใจ อ่อนเพลีย...
รีวิวจากคุณขุนทอง อายุ 62 ปี ความดันสูง ภูมิต้านทานต่ำ กระดูกคอเสื่อม ปวดต้นคอ อารมณ์แปรปรวน
ผลลัพการทานอาหารเสริมGH3จากคุณขุนทองปรากฏผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลายด้าน โรคประจำตัวคือ โรคความดันสูง เป็นหวัดง่ายภูมิต้านทานต่ำ ปวดต้นคอ กระดูกคอเสื่อม ทำให้นอนลำบาก ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลายด้าน โรคประจำตัวของคุณขุนทอง คือ โรคความดันสูง เป็นหวัดง่ายภูมิต้านทานต่ำ ปวดต้นคอ...
รีวิวจากป้าพลอยผู้ทานอาหารเสริมGH3 ก่อนทานเป็น เบาหวาน ความดันไขมันอุดตัน
รีวิวการทานอาหารเสริมGH3จากป้าพลอย ก่อนทานเป็น เบาหวาน ความดันไขมันอุดตัน รีวิวจากป้าพลอยผู้ทานอาหารเสริมGH3 ก่อนทานเป็น เบาหวาน ความดันไขมันอุดตัน...
รีวิวจากคุณยงค์หลังทานอาหารเสริมGH3 เมื่อก่อนมีอาการ เหนื่อยง่าย ความดันสูง ความจำ ผมร่วง ผิวไม่ดี อ่อนเพลีย
รีวิวจากคุณยงค์หลังทานอาหารเสริมGH3 เหนื่อยง่าย ความดันสูง ความจำ ผมร่วง ผิวไม่ดี ผลลัพธ์อาหารเสริมGH3จากคุณยงค์หลังทาน จากที่เมื่อก่อนเหนื่อยง่าย ความดันสูง ความจำ ผมร่วง ผิวไม่ดี...
รีวิวคุณทวี อายุ70ปี มีอาการปวดขาปวดสะโพกปวดเข่า ขัดเบา ความดันสูง นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ผิวเหี่ยว
รีวิวคุณทวี อายุ70ปีก่อนทานอาหารเสริมGH3 มีอาการปวดขาปวดสะโพกปวดเข่า ขัดเบา ความดันสูง นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ผิวเหี่ยว ผลลัพธ์การทานอาหารเสริมของคุณทวี อายุ70ปี จากที่มีอาการปวดขาปวดสะโพกปวดเข่า ขัดเบา ความดันสูง นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ผิวเหี่ยว...
รีวิวอาหารเสริมGH3คุณบุญช่วย อายุ55ปี วัยทอง ภูมิแพ้ เบาหวาน ความดัน อ่อนเพลีย
รีวิวอาหารเสริมGH3คุณบุญช่วย อายุ55ปี วัยทอง ภูมิแพ้ เบาหวาน ความดัน อ่อนเพลีย วัยทอง สุขภาพแข็งแรง รีวิวผลลัพธ์อาหารเสริมGH3คุณบุญช่วย อายุ55ปี วัยทอง ก่อนทานมีอาการโรคภูมิแพ้ เบาหวาน ความดัน อ่อนเพลีย...
โกรทฮอร์โมน สัมภาษณ์คุณเสน่ห์ โรคสะเก็ดเงิน
โกรทฮอร์โมน สัมภาษณ์คุณเสน่ห์ โรคสะเก็ดเงิน โกรทฮอร์โมน ผลลัพธ์จากการทาน โรคสะเก็ดเงิน Audio ฟังเสียงสัมภาษณ์ได้ คลิ๊กด้านล่าง คลิ๊กฟังเสียงสัมภาษณ์ผู้ทานอาหารเสริมโกรทฮอร์โมน GH3 Growth hormone คุณเสน่ห์ โรคสะเก็ดเงิน อาหารเสริมโกรทฮอร์โมน GH3 Growth...
โกรทฮอร์โมน สัมภาษณ์คุณลุงบุญช่วย ความดันโลหิตสูง ปวดเมื่อย ปวดข้อเข่า ปวดหัว ปวดขา
โกรทฮอร์โมน สัมภาษณ์คุณลุงบุญช่วย ความดันโลหิตสูง ปวดเมื่อย ปวดข้อเข่า ปวดหัว ปวดขา โกรทฮอร์โมน ผลลัพธ์จากการทาน ช่วยอาการปวดข้อเข่า ปวดขา ปวดเมื่อย ปวดหัว ความดันโลหิตสูง Audio ฟังเสียงได้ คลิ๊กด้านล่าง โกรทฮอร์โมน Growth hormone ฟังเสียงสัมภาษณ์คุณลุงบุญช่วย ...
โกรทฮอร์โมน สัมภาษณ์เฮียแก้ว
โกรทฮอร์โมน Growth hormone โกรทฮอร์โมน โรคความดันสูง โรคเครียด นอนไม่หลับ ประสบการณ์การทานอาหารเสริมโกรทฮอร์โมน GH3 บทสัมภาษณ์เฮียแก้ว Audio ฟังเสียงได้...
โกรทฮอร์โมน สัมภาษณ์พี่บานเย็น
โกรทฮอร์โมน Growth hormone โกรทฮอร์โมน เบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง คลอเลสเตอรอลสูง ลิ่มเลือด ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย ประสบการณ์การทานอาหารเสริมโกรทฮอร์โมน GH3 บทสัมภาษณ์พี่บานเย็น Audio ฟังเสียงได้...
โกรทฮอร์โมน สัมภาษณ์คุณฉลอง
โกรทฮอร์โมน Growth hormone โกรทฮอร์โมน ความดันสูง ผมหงอก เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ ประสบการณ์การทานอาหารเสริมโกรทฮอร์โมน GH3 บทสัมภาษณ์คุณฉลอง Audio ฟังเสียงได้...