วัยทองคืออะไร

วัยทองคืออะไร

อาการวัยทอง อาหารวัยทอง โรควัยทอง โรคแทรกซ้อน การรักษาดูแลช่วงหมดประจำเดือน

วัยทองคืออะไร

วัยทอง ภาษาอังกฤษเรียกว่า menopause แปลว่าวัยที่ประจำเดือนหรือเมนส์หมด วัยทองเป็นวัยที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เป็นวัยที่แสดงถึงการสิ้นสุดของวัยเจริญพันธุ์แลกเปลี่ยนผ่านจากวัยทองสู่วัยผู้สูงอายุ เป็นวัยที่รังไข่หยุดทำงานและไม่มีการตกไข่หรือตั้งครรภ์อีกต่อไปจึงหมดประจำเดือนและไม่มีการสร้างฮอร์โมนเพศหญิงอีก ซึ่งช่วงวัยทองนี้จะส่งผลกระทบต่อเราหลายด้านทั้งทางร่างกายและจิตใจที่ปรับเปลี่ยนไป

 

วัยทองอายุเท่าไหร่

วัยทองจะนับรวมระยะทั้งในวัยใกล้หมดประจำเดือนแล้ววัยหมดประจำเดือนแล้ว โดยเฉลี่ยช่วงอายุที่จะเกิดขึ้นจะอยู่ในช่วง 45 ถึง 55 ปี โดยบางคนอาจจะมีอาการวัยทองเพียงไม่นานก็หมดประจําเดือนทันทีหรือบางคนอาจจะมีอาการวัยทองนำมาก่อนเป็นสัญญาณยาวนาน 5-6 ปีก่อนที่จะมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย

ระยะวัยทอง

  1. ระยะก่อนหมดประจำเดือน – ในช่วงเวลานี้ร่างกายจะเริ่มมีสัญญาณแสดงอาการผิดปกติหรือว่าอาการก่อนหมดประจำเดือนต่างๆ ระยะนี้อาจจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ปีหรืออาจจะยาวนานไปถึง 5-6 ปีก็ได้
  2. ระยะหมดประจำเดือน – ระยะนี้จะนับตั้งแต่หมดประจำเดือนแต่มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายต่อมาอีก 1 ปี
  3. ระยะหลังหมดประจำเดือน – ระยะนี้คือระยะหลังจากหมดประจำเดือนมาแล้ว 1 ปีเป็นต้นไปจะมีอาการเช่นช่องคลอดแห้ง ตีบแคบลง ภาวะกระดูกพรุน และมีความเสี่ยงของภาวะโรคแทรกซ้อนที่อาจตามมาได้เช่นโรคหลอดเลือดต่างๆ

 

วัยทองกับฮอร์โมนเพศหญิง

เมื่อร่างกายของเพศหญิงไม่สร้างใครอีกทำให้ไม่มีประจำเดือนและฮอร์โมนเพศหญิงลดลง นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เรารู้จักกันว่าอาการวัยทอง ฮอร์โมนเพศหญิงตัวสำคัญที่ขาดไปนี้เรียกว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน

 

อาการวัยทองมีอะไรบ้าง อาการหมดประจําเดือนเป็นอย่างไร

ผู้หญิงวัยทองจะมีอาการของคนหมดประจำเดือนหรืออาการใกล้หมดประจำเดือนที่แสดงออกแตกต่างไม่เหมือนกันทุกคน ลักษณะวัยทองบางคนอาจจะมีหลายอาการหรือว่าบางคนแทบจะไม่มีอาการเลยก็เป็นได้

อาการวัยทองมักจะเกิดขึ้นในช่วงเริ่มเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน จนไปถึงหลังจากหมดประจำเดือนแล้วในช่วงต้นๆที่ร่างกายต้องปรับตัว และในบางคนที่ร่างกายสามารถปรับสมดุลได้อาการวัยทองก็จะหายไปได้ แต่ในทางตรงกันข้ามในหลายคนที่สุขภาพไม่ค่อยดีหรือไม่ค่อยดูแลตัวเองร่างกายอาจจะปรับสมดุลไม่ได้ ระบบร่างกายจึงรวนต่อเนื่องไปตลอดหลังจากหมดประจำเดือน

อาการวัยทองมีอะไรบ้าง อาการของคนหมดประจําเดือน

อาการวัยทองที่พบได้บ่อยมีดังนี้

  • ประจำเดือนมาน้อยลงเรื่อยๆมาบ้างไม่มาบ้างค่อยๆห่างไป มาไม่สม่ำเสมอ
  • อาการร้อนวูบวาบในร่างกาย ร้อนวูบวาบที่ขาและตามตัว
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยาก แม้ไม่มีสาเหตุก็สามารถหงุดหงิดได้ อารมณ์เปลี่ยนแปลงวัย
  • อาการซึมเศร้า หรือ 2 อารมณ์สลับไปมา
  • นอนไม่หลับ หลับยาก หลับไม่เป็นเวลา หลับหลับตื่นๆกลางดึก
  • เหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง ตื่นมาไม่สดชื่นรู้สึกขาดพลัง
  • ช่องคลอดแห้ง มีน้ำหล่อลื่นน้อยลง ทำให้เวลามีเพศสัมพันธ์จะรู้สึกเจ็บกว่าปกติ
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น อั้นฉี่ไม่ค่อยได้ ตื่นมาฉี่กลางดึกบ่อยครั้ง
  • กระดูกพรุน กระดูกเปราะหักง่าย หากสะดุดหกล้มอาจจะมีปัญหากับกระดูกง่ายๆหัวใจก่อน
  • ความจำแย่ลง จดจำอะไรได้ยากขึ้น หลงลืมง่าย
  • มึนหัวบ่อยๆ เวียนหัวง่าย
  • ผมร่วงผมบางผมแห้งเสีย
  • ผิวแห้ง ดูไม่เปล่งปลั่ง เกิดฝ้ากระง่ายๆ ผิวแพ้ง่ายขึ้นเกิดผื่นแพ้ง่าย มีอาการคันเพิ่มขึ้น และง่ายต่อการมีแผลเป็น
  • ระบบเผาผลาญทำงานแย่ลง ท้องอืดได้ง่าย มีลมในตัวเยอะ
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงกว่าปกติ
  • ปวดเมื่อยมากขึ้น ปวดหลัง ปวดข้อ ปวดกระดูก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

 

โรคแทรกซ้อนในวัยทอง

นอกจากอาการวัยทองข้างต้นแล้วสิ่งที่ต้องระวังคือโรคอันตรายที่อาจจะเกิดตามมา โดยโรคที่พบได้บ่อยสุดคือวัยทองกับภาวะโรคกระดูกพรุน มวลกระดูกบางลง ทำให้แตกหักเปราะง่าย แม้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุหกล้มเพียงเล็กน้อยก็ถึง ขั้นกระดูกเปราะหักได้ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อโรคอื่นๆเช่น โรคนอนไม่หลับ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมองตีบเป็นต้น

โรคแทรกซ้อนวัยทอง

ตกขาวกับวัยทอง

ผู้หญิงในวัยทองไม่ควรจะมีปัญหาตกขาวอีกต่อไป ยกเว้นตกขาวนั้นจะเกิดจากสาเหตุปัญหาสุขภาพอย่างอื่นเช่นปัญหาจากการติดเชื้อเนื่องจากช่องคลอดบางลงทำให้ติดเชื้อราได้ง่าย หรือการรับประทานยาบำรุงวัยบทอง หรือสมุนไพรบางประเภทที่ไม่เหมาะสมกับร่างกายก็อาจจะทำให้เกิดอาการตกขาวได้เช่นกัน

 

สาเหตุและปัจจัยที่กระตุ้นให้เข้าสู่วัยทองเร็ว

สาเหตุวัยทอง

วัยทองเป็นสัญญาณที่ชี้ว่าร่างกายหยุดการทำงานในระบบเจริญพันธุ์ ซึ่งโดยหลักแล้วมีสาเหตุมาจากเซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพลงจนเรียกได้ว่าเข้าสู่วัยชราจึงต้องปิดระบบสืบพันธุ์ที่ไม่จำเป็นกับการเอาชีวิตรอดนี้ไป

ดังนั้นปัจจัยหลักก็คือสุขภาพพื้นฐานของแต่ละคนนั่นเองที่จะส่งผลกระทบว่าเราจะหมดประจำเดือนช้าหรือเร็ว โดยปัจจัยแวดล้อมที่กระตุ้นให้มากมีดังนี้

  • การดื่มเหล้าสูบบุหรี่
  • การใช้ยาเยอะ รับสารเคมีเยอะ โดยเฉพาะการใช้ยาเคมีบำบัดหรือรังสีฉายแสงในกระบวนการรักษาโรคมะเร็ง
  • มดลูกและรังไข่มีปัญหา เช่นโรคเนื้องอกในรังไข่ หรือในผู้ที่จำเป็นต้องผ่าตัดรังไข่หรือมดลูกออกไป
  • การรับประทานอาหารที่ไม่ได้มาตรฐานขาดสารอาหาร ทานอาหารขยะหรืออาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเยอะ
  • นอนน้อย นอนไม่มีคุณภาพ
  • ไม่ค่อยออกกำลังกาย
  • มีความเครียดสูง อารมณ์หงุดหงิดง่าย

 

วัยทองรักษาดูแลตัวเองอย่างไรดี

มารักษาอาการวัยทองกันเถอะ

ผู้ที่อยู่ในวัยทองหรือใกล้เข้าสู่วัยทองควรรีบหันกลับมาดูแลสุขภาพพื้นฐานให้ดี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดอาการวัยทองปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงหลังหมดประจำเดือนได้แล้วยังมีโอกาสที่จะเลื่อนช่วงเวลาวัยทองออกไปให้ห่างไกลตัวเองได้อีกด้วย เพราะเมื่อพื้นฐานสุขภาพตัวเองดีวัยเจริญพันธุ์ก็จะยืดยาวออกไปได้

รักษาอาการวัยทอง

การหมดประจำเดือนไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกๆคนเพียงแต่ว่าทำอย่างไรให้หมดประจำเดือนช้า และมีอาการวัยทองน้อยเพื่อไม่ให้กระทบกับชีวิตประจำวันและคงรักษาสุขภาพที่ดีไว้ได้เพื่อให้มีอายุยืนนานพร้อมสุขภาพที่แข็งแรง

โดยพื้นฐานมี 3 ปัจจัยหลักที่รู้กันดีที่ใช้ในการดูแลสุขภาพเพื่อสร้างพื้นฐานที่ดีสําหรับสาววัยทองคือ 1 อาหารดี 2 ออกกำลังกายดีและ 3 ความคิดจิตใจดีหรือไม่เครียดนั่นเอง

วัยทองรักษา

วัยทองหาหมออะไร ช่วยเราได้อย่างไร

ซึ่งโดยส่วนมากหากเราปรึกษาแพทย์จะไม่ได้ให้ยาเพิ่มเติมอะไรเพียงแต่ให้คำแนะนำปรึกษาวิธีการใช้ชีวิตเท่านั้นแต่ว่าในกรณีที่คนไข้มีอาการวัยทองมากที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างรุนแรงและต้องการบรรเทาอย่างเร่งด่วนแพทย์อาจจะมีการให้ใช้ฮอร์โมนทดแทนหรือยาบางชนิดเพื่อช่วยบรรเทาอาการดังกล่าว เพียงแต่มันก็เป็นการช่วยแก้อาการได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น วิธีที่ดีคือการหันกลับมาดูแลตัวเองจะเป็นการแก้ปัญหาได้ดีที่สุดในระยะยาว

 

ส่วนคลินิกวัยทองสามารถเข้าไปหาและขอคำปรึกษาได้หลายแห่ง ตัวอย่างเช่น คลินิกวัยทองโรงพยาบาลรามา คลินิกวัยทองโรงพยาบาลจุฬา คลินิกวัยทองโรงพยาบาลศิริราช เป็นต้น

อาหารสำหรับวัยทอง

วัยทองกินอะไรดี

อาหารวัยทองเพื่อสุขภาพควรรับประทานอาหารพื้นฐานให้ครบสารอาหารทั้ง 5 หมู่ และยังควรมีสารอาหารกลุ่มโปรตีนที่ช่วยในการซ่อมแซมร่างกายให้เสื่อมสภาพช้าลง และอาหารที่มีแคลเซียมสูงผู้ที่จะป้องกันโรคกระดูกพรุน และควรเน้นการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลชนิดดีมากกว่าชนิดไม่ดี

อาหารวัยทองควรรับประทาน

นอกจากนี้อาหารที่เป็นที่นิยมสำหรับวัยทองคือน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองเพราะมีคุณสมบัติของฮอร์โมนเพศหญิง แต่อย่างไรก็ตามการดื่มมากเกินไปก็จะส่งผลเสียเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมดลูก ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานหนัก ร่างกายอ่อนเพลีย หรือหากทานน้ำเต้าหู้แบบหวานก็อาจจะเป็นบ่อเกิดของโรคเบาหวานได้

 

อาหารเสริมสำหรับผู้หญิงวัยทอง

ยาวัยทองหรือยาบำรุงสำหรับคนวัยทองมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสารอาหารพื้นฐานของร่างกายหรือว่าสมุนไพรที่มีทั้งแบบไทยและแบบจีน โดยพื้นฐานที่นิยมกันมีดังนี้

  • กรดอะมิโนโปรตีนบางชนิดที่สำคัญในการใช้ซ่อมแซมเซลล์และชะลอวัย โดยเฉพาะในสูตรอาหารเสริมบำรุงโกรทฮอร์โมน
  • แคลเซียม ผู้ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • วิตามินดี เพื่อช่วยปกป้องผิวร่วมกับการป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • สารแอนติออกซิแดนท์หรือสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยชะลอวัยป้องกันการเสื่อมสภาพของร่างกาย
  • สารสกัดจากถั่วเหลือง ผู้ช่วยทดแทนฮอร์โมนเพศหญิง
  • แบล็คโคฮอช ช่วยในการชะลอวัยและลดอาการวัยทอง

 

แนวทางการรักษาบรรเทาอาการวัยทองในรูปแบบแผนปัจจุบัน

การใช้ฮอร์โมนทดแทนสำหรับวัยทอง

วิธีนี้เหมาะกับวัยทองที่ต้องประสบอาการวัยทองรุนแรงแล้วพบกับความผิดปกติที่ควรจะรีบใช้ฮอร์โมนทดแทนเพื่อบรรเทาปัญหาสุขภาพไปก่อน แล้วจึงค่อยรีบเร่งดูแลสุขภาพเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอีกครั้ง

 

ฮอร์โมนทดแทนคืออะไร

ฮอร์โมนทดแทนคือสารสกัดที่มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงหรือว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนกับโปรเจสเตอโรนซึ่งอาจจะเป็นสารเคมีหรือสกัดมาจากพืชพันธุ์ธรรมชาติที่มีคุณสมบัติคล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิงตามธรรมชาติที่ร่างกายผลิตเอง โดยส่วนใหญ่จะให้ฮอร์โมนทดแทนทั้ง 2 ประเภทคือทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน โดยฮอร์โมนทดแทนนี้จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียจึงควรพิจารณาใช้ให้เหมาะกับตัว

 

ประเภทฮอร์โมนทดแทนสำหรับวัยทอง

  1. รูปแบบการรับประทาน
  2. รูปแบบการฉีด
  3. รูปแบบแผ่นปิด
  4. รูปแบบการฝัง
  5. รูปแบบครีมทาผิวหนัง
  6. รูปแบบครีมทาบริเวณช่องคลอด

 

ประโยชน์ของฮอร์โมนทดแทน

  • ช่วยลดอาการวัยทองเช่น อาการร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน อาการซึมเศร้า นอนไม่หลับหลับยาก เป็นต้น
  • ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • ช่วยป้องกันความเสี่ยงของโรคความจำเสื่อม
  • ช่วยลดปัญหาเส้นผมหลุดร่วง ผิวหนังแห้งเสียอักเสบง่าย

ลักษณะวัยทอง

ข้อเสียของฮอร์โมนทดแทน

  • รู้จักไม่ใช่ข้อมูลที่ผลิตตามธรรมชาติของร่างกายจึงมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติ อาการผิดปกติที่พบได้เช่น พบเลือดออกจากโพรงมดลูก มีอาการบวมน้ำ เจ็บเต้านม คลื่นไส้อาเจียน มึนหัว ปวดหัวไมเกรน อาการตกขาว ท้องอืด
  • น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น การเผาผลาญแย่ลง
  • ความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม การวิจัยอาจยังไม่มีหลักฐานว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งโดยตรงแต่ในผู้ที่เป็นโรคมะเร็งอยู่แล้วหากรับประทานฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมเข้าไปอาจจะไปกระตุ้นให้เกิดการขยายเพิ่มความรุนแรงได้
  • มีผลเสียทำให้ตับไตต้องทำงานหนัก
  • ประจำเดือนอาจมาผิดปกติมากขึ้น

 

การเลือกฮอร์โมนทดแทนในวัยทอง

สาววัยทองเราควรเลือกใช้ฮอร์โมนทดแทนที่มีคุณภาพสูงโดยควรจะให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับฮอร์โมนธรรมชาติของมนุษย์เรามากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงต่อร่างกายและควรปรึกษาแพทย์ในระหว่างรับประทานอย่างต่อเนื่อง ฮอร์โมนทดแทนที่มักใช้กันจะแบ่งประเภทดังนี้

 

ฮอร์โมนทดแทนสำหรับผู้หญิงที่ผ่าตัดมดลูกไปแล้ว

ข้อมูลชนิดนี้จะมีส่วนประกอบทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน สามารถแบ่งออกมาได้เป็น 2 ประเภทคือ

  1. ชนิดที่ใช้เป็นช่วงๆ – ชนิดนี้ได้สลักการให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนโปรเจสเตอโรนและช่วงหยุดพักสลับกันไป โดยส่วนใหญ่ 3 อาทิตย์แรกจะให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนก่อน เมื่อทานฮอร์โมนเอสโตรเจนไปได้ 10 วันวันที่ 11 เดือนเริ่มรับประทานฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ต่อเนื่องไปและหยุดพร้อมกันเมื่อครบ 3 อาทิตย์หลังจากนั้นก็จะเว้นไม่ต้องใช้ฮอร์โมนไป 1 สัปดาห์ก่อนที่จะกลับมาเริ่มทานอีกครั้ง
  2. ชนิดที่ใช้ทุกวันต่อเนื่อง – ชนิดนี้มักจะใช้กับผู้หญิงที่หมดประจำเดือนมามากกว่าหนึ่งปี

 

ฮอร์โมนทดแทนสำหรับผู้หญิงที่ยังไม่ได้ผ่าตัดมดลูก

ฮอร์โมนเอสโตรเจน คืออะไร

เอสโตรเจนคือฮอร์โมนเพศหญิง ที่ทำหน้าที่โดยตรงกับภาวะสืบพันธุ์ในเด็กผู้หญิงจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้นเมื่อช่วงเริ่มมีประจำเดือนหรือเปลี่ยนผ่านจากเด็กกลายเป็นสาว ฮอร์โมนชนิดนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากรังไข่เป็นส่วนมากและส่วนน้อยถูกสร้างขึ้นมาจากทางไขมันในผิวหนัง เมื่อเราเข้าสู่ช่วงปลายวัยสาวรังไข่จะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลงเรื่อยๆ จนเมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดต่ำลงไปถึงจุดหนึ่งการมีประจำเดือนก็ไม่ค่อยน้อยลงและหยุดไปในที่สุด โดยเฉลี่ยแล้วร่างกายจะเริ่มผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงในช่วงอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป และจะหยุดผลิตหรือหมดประจำเดือนในช่วงอายุประมาณ 45 ถึง 55 ปี

 

ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลต่ออวัยวะหลายอย่างโดยตรงเช่น หัวใจ สมอง เส้นเลือด กระดูก ผิวหนัง เป็นต้น

 

ในผู้ที่ผ่าตัดมดลูกออกจะไปเชิญปัญหาการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนในทันทีซึ่งจะรุนแรงกว่าแบบธรรมดา เพราะแบบธรรมดาร้านขายจะไม่ค่อยผลิตน้อยลงไปทำให้ร่างกายปรับตัวได้ แต่ในกรณีของผู้หญิงที่ผ่าตัดมดลูกร่างกายต้องเผชิญกับภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างกระทันหันทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่า

 

ฮอร์โมนทดแทนชนิดฮอร์โมนเอสโตรเจนมาในหลายรูปแบบที่นิยมใช้มักจะใช้ชนิดที่สกัดมาจากธรรมชาติเพราะจะมีผลข้างเคียงน้อยกว่าชนิดสารสกัดทางสารเคมี มีจำหน่ายในรูปแบบยาสำหรับรับประทาน แผ่นสำหรับแปะหรือนำไปสอดในช่องคลอด เจล เป็นต้น โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกรูปแบบที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

 

ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน

ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนก็เป็นฮอร์โมนเพศหญิงชนิดหนึ่ง ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนิยมรับประทานเป็นฮอร์โมนทดแทนร่วมกับฮอร์โมนเอสโตรเจนโดยทำหน้าที่มีการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เพราะฮอร์โมนทดแทนโปรเจสเตอโรนทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวและเกิดมะเร็งในบริเวณนั้น

 

วัยทองในผู้ชาย

ผู้ชายวัยทองจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันแต่อาจจะไม่ชัดเจนเท่าในผู้หญิง โดยผู้ชายวัยทองมักจะนับช่วงอายุโดยเฉลี่ยประมาณ 40 ถึง 65 ปีโดยมีสัญญาณคือการเปลี่ยนแปลงของระบบสืบพันธุ์ที่จะเริ่มเสื่อมสภาพลงไปสู่กลางหมวดการเจริญพันธุ์เช่นเดียวกับผู้หญิง โดยการเสื่อมของระบบสืบพันธุ์หรืออัณฑะนี้จะส่งผลให้ฮอร์โมนเพศชายได้แก่ฮอร์โมนแอนโดรเจนและเทสโทสเตอโรนลดปริมาณลงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจที่เปลี่ยนแปลงไปได้ของผู้ชาย

อาการผู้ชายวัยทอง ชายวัยทอง

อาการผู้ชายวัยทอง

อาการวัยทองของผู้ชายจะแตกต่างกับผู้หญิงอาการที่พบได้บ่อยมีดังนี้

  • อารมณ์ทางเพศลดลง องคชาติไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวยากขึ้น เนื่องจากฮอร์โมนเพศชายลดลงไปนั่นเอง
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เรี่ยวแรงลดลง มวลกล้ามเนื้อลดลง
  • อ้วนง่าย ไขมันลงพุงง่าย การเผาผลาญแย่ลง
  • นอนไม่หลับ หลับยาก หลับไม่สนิท
  • ความจำแย่ลง เสี่ยงต่อภาวะอัลไซเมอร์ สมองเบลอง่าย ไม่ค่อยแล่นเหมือนก่อน
  • ในบางๆอาจจะมีอาการร้อนวูบวาบแต่จะเป็นในระยะสั้นๆเท่านั้น อาจร่วมกับอาการหนาวง่ายขึ้น เหงื่อออก แต่ตัวสั่น เป็นต้น
  • หลอดเลือดอุดตันง่ายขึ้น หลอดเลือดแข็งตัว ซึ่งมีผลกระทบมาจากฮอร์โมนเพศชาย testosterone ที่น้อยลง
  • มีความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มโรคชราภาพ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคความดันสูง โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ เป็นต้น